Wild Child - "คุณหนูไฮโซ พริ้วซะเกินร้อย"
“มิตรภาพ และ ความรัก คือสิ่งที่ค่อยๆเติมเต็มเราโดยไม่รู้ตัว”
ป๊อปปี้ มัวร์ (Emma Roberts) คือสาวน้อยที่ถูกตามใจมาตลอด เธอคือเจ้าหญิงแห่งโลกช็อปปิ้งในแอลเอ จนเมื่อความแก่นเปรี้ยวของเธอสร้างความลำบากใจให้กับผู้เป็นพ่อ (Aidan Quinn) เธอจึงถูกส่งไปอยู่ที่โรงเรียนประจำในอังกฤษด้วยความไม่เต็มใจที่เต็มไปด้วยกฎระเบียบสุดเคร่งครัด ที่นั่นป๊อปปี้ต้องการแหกกฎและแสดงความเป็นสาวอเมริกันผู้ไม่อยู่ในกรอบและทำทุกวิธีการเผื่อให้ตัวเองถูกไล่ออกเพราะไม่อยากติดอยู่ในโรงเรียนบ้านนอกแห่งนี้ แต่เธอก็ต้องเจอกับคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อซึ่งก็คือสาวๆเมืองผู้ดีและคุณครูเจ้าระเบียบที่ไม่ยอมตามใจป๊อปปี้อีกต่อ แล้วเธอจะทำอย่างไรเมื่อหนทางเดียวที่จะทำให้ออกจากที่นี่คือการตามละเมิดกฎที่ห้ามนักเรียนชายและหญิงคบกันในโรงเรียน โดยการตามจีบ เฟรดดี้ (Alex Pettyfer) หนุ่มสุดหล่อลูกครูใหญ่ ซึ่งคราวนี้มันจะทำให้เธอเปลี่ยนไปอย่างที่ไม่เคยเป็น !
ตั้นแต่เห็นโปสเตอร์ของ “Wild Child” ก็ทำใจแล้วว่านี่คงเป็นหนังอีกเรื่องที่เป็นสูตรสำเร็จแนวสาวๆ วื๊ดๆ ว๊ายๆ แน่ๆ แต่ที่ดูน่าสนใจก็คือชื่อ “Emma Roberts” ใช่แล้วครับ เธอเป็นหลานแท้ๆของดาราสาวยิ้มสวยปากกว้างอย่าง “Julia Roberts” และถือว่ากำลังเป็นดาราดาวรุ่งมาแรงคนหนึ่งเลยทีเดียว แถมมีดารารุ่นใหญ่อย่าง “Aidan Quinn” มาร่วมสร้างสีทันด้วย จึงทำให้หนังเรื่องนี้ดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
ป๊อปปี้ มัวร์ (Emma Roberts) คือสาวน้อยที่ถูกตามใจมาตลอด เธอคือเจ้าหญิงแห่งโลกช็อปปิ้งในแอลเอ จนเมื่อความแก่นเปรี้ยวของเธอสร้างความลำบากใจให้กับผู้เป็นพ่อ (Aidan Quinn) เธอจึงถูกส่งไปอยู่ที่โรงเรียนประจำในอังกฤษด้วยความไม่เต็มใจที่เต็มไปด้วยกฎระเบียบสุดเคร่งครัด ที่นั่นป๊อปปี้ต้องการแหกกฎและแสดงความเป็นสาวอเมริกันผู้ไม่อยู่ในกรอบและทำทุกวิธีการเผื่อให้ตัวเองถูกไล่ออกเพราะไม่อยากติดอยู่ในโรงเรียนบ้านนอกแห่งนี้ แต่เธอก็ต้องเจอกับคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อซึ่งก็คือสาวๆเมืองผู้ดีและคุณครูเจ้าระเบียบที่ไม่ยอมตามใจป๊อปปี้อีกต่อ แล้วเธอจะทำอย่างไรเมื่อหนทางเดียวที่จะทำให้ออกจากที่นี่คือการตามละเมิดกฎที่ห้ามนักเรียนชายและหญิงคบกันในโรงเรียน โดยการตามจีบ เฟรดดี้ (Alex Pettyfer) หนุ่มสุดหล่อลูกครูใหญ่ ซึ่งคราวนี้มันจะทำให้เธอเปลี่ยนไปอย่างที่ไม่เคยเป็น !
ตั้นแต่เห็นโปสเตอร์ของ “Wild Child” ก็ทำใจแล้วว่านี่คงเป็นหนังอีกเรื่องที่เป็นสูตรสำเร็จแนวสาวๆ วื๊ดๆ ว๊ายๆ แน่ๆ แต่ที่ดูน่าสนใจก็คือชื่อ “Emma Roberts” ใช่แล้วครับ เธอเป็นหลานแท้ๆของดาราสาวยิ้มสวยปากกว้างอย่าง “Julia Roberts” และถือว่ากำลังเป็นดาราดาวรุ่งมาแรงคนหนึ่งเลยทีเดียว แถมมีดารารุ่นใหญ่อย่าง “Aidan Quinn” มาร่วมสร้างสีทันด้วย จึงทำให้หนังเรื่องนี้ดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
เริ่มจากส่วนเรื่องของนักแสดงนั้น สาวสวยตัวเอกของเรื่องที่รับบทโดย “Emma Roberts” ซึ่งเธอเริ่มเป็นที่รู้จักจากผลงานหนังนักสืบดูสบายๆใสๆอย่าง Nancy Drew (2007) หรือ Aquamarine (2006) หนังนางเงือกยุคใหม่ที่โด่งดังพอควร และผลงานที่กำลังลงโรงฉายอยู่ที่อเมริกาอย่าง Hotel for Dogs (2009) ที่กำลังทำเงินเรื่อยๆผ่านหลัก 50 ล้านไปแล้ว (ถือเป็นหนังที่ทำเงินมากที่สุดในทำเนียบการแสดงของ Emma ไปแล้ว) เข้ามาเรื่องการแสดงของเธอกันเลยดีกว่า กับบท “ป๊อปปี้ มัวร์” ที่ Emma สามารถถ่ายทอดลักษณะสาวแสบ เซี้ยว ซ่า ได้ค่อนข้างเป็นธรรมชาติเมื่อเทียบกับเรื่องก่อนๆทั้งยังดูน่ารัก น่าหยิกไปด้วยในเวลาเดียวกัน (แถมท่าเต้นในเรื่องยังแอบเซ็กซี่อีกด้วย) อาจจะกล่าวได้ว่าแม้บทหนังจะสามารถเดาทางได้ง่ายดาย แต่ด้วยการแสดงของ Emma ก็ถือว่ามีส่วนให้ผู้ชมอยากติดตามเนื้อเรื่องไปได้อย่างไม่รู้ตัว และขอทิ้งท้ายไว้นิดนึงว่าสาวน้อยคนนี้ถ้าพัฒนาความสามารถการแสดงไปเรื่อยๆไม่แน่ เราอาจจะได้เจ้าแม่หนังวัยรุ่นคนใหม่ในระดับเดียวกับ Amanda Bynes มาประดับวงการก็เป็นได้ แต่จะไปได้ถึง Roberts รุ่นใหญ่ได้ไหมนั้นต้องดูกันยาวครับงานนี้ แต่ที่แน่ๆเรื่องของความสวยน่ารักนั้นหายห่วง เพราะยิ้มสวยไม่แพ้กันแถมส่วนตัวคิดว่าหน้าเธอจะดูคล้ายกับสาว Anne Hathaway อีกเสียด้วย
ด้านรุ่นใหญ่อย่าง “Aidan Quinn” ในบทพ่อของป๊อปปี้ มัวร์ แม้บทจะไม่เยอะมากแต่ก็ดูสมบทบาทดีครับ ส่วน“Alex Pettyfer” หนุ่มหล่อพระเอกของเรื่องรายนี้นอกจากหน้าตาที่พอดูได้แล้ว การแสดงยังออกแข็งๆไปบ้าง ยิ่งเวลาแสดงร่วมกับสาว Emma ด้วยแล้วยิ่งเห็นได้ชัด และส่วนที่เป็นสีสันอีกอย่างคือบรรดาเพื่อนๆในกลุ่มของ Emma ทั้ง 4 หน่อ ที่พลัดกันมาขโมยซีนกันอย่างสนุกสนาน
Wild Child เป็นหนังที่เล่าเรื่องเล่าถึงเด็กสาววัยรุ่นคนหนึ่งที่หลงคิดเธอมีพร้อมทุกอย่างแล้ว มีปาร์ตี้กันทุกวัน มีของแพงๆใช้ มีเสื้อผ้าแบรนด์เนมใส่ ทั้งที่ไม่รู้ว่าพวกเพื่อนๆที่เธอมีอยู่ตอนนี้คบกับเธอด้วยความจริงใจหรือเพียงแค่อยากเด่นอยากดังหวังผลประโยชน์จากเธอเท่านั้น แต่หลังจากเธอได้ย้ายมาโรงเรียนประจำบ้านนอกๆที่อังกฤษ แม้แรกๆเธอจะมองเด็กที่นี่ว่าเป็นไร้อารยธรรม และไม่มีระดับเอาสะเลยในสายตาเธอ แต่เมื่อเอาเข้าจริงๆด้วยความที่สาวไฮโซมาอยู่รวมกับ 4 สาวที่แม้จะดูเฉิ่มแต่ก็ร้ายลึก ทั้งหมดค่อยๆที่จะปรับตัวเข้าหากันโดยที่ไม่รู้ตัว จนในที่สุด ทั้ง 4 สาวก็ตกลงร่วมช่วยกันวางแผนทำทุกวิถีทางให้เพื่อนสาวไฮโซคนนี้ได้ถูกไล่ออกสมใจ ไล่ไปตั้งแต่ การทำลายสระว่ายน้ำด้วยการเอาน้ำแดง (หรือ ไอศครีม ?) ไปใส่ไว้เต็มสระ หรือ การเอาเบอร์โทรศัพท์เพื่อนสาวตัวร้ายที่ชอบแกล้งเธอเป็นประจำไปแปะที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะว่าเป็นเบอร์สาวคลายเหงา ฯลฯ รวมไปถึงการให้เธอไปจีบ “เฟรดดี้” ลูกชายสุดหล่อของครูใหญ่ ซึ่งแผนทุกอย่างก็ล้วนประสบความสำเร็จ ไปพร้อมๆกับการที่เธอและเพื่อนๆเข้าใกล้กันมากยิ่งขึ้นจนแทบจะไม่มีเส้นมาแบ่งความแตกต่างกันแล้ว รวมไปถึงเรื่องของหัวใจที่เธอรู้สึกว่า “เฟรดดี้” หนทางเดียวที่จะทำให้เธอถูกไล่ออก อาจจะเป็นเหตุผลเดียวที่จะทำให้เธออยากอยู่ที่นี่ต่อไปก็เป็นได้
และหลังจากนั้นหลังก็เข้าสู่สูตรสำเร็จหนังวัยรุ่นทั่วไปคือเมื่อแผนการเกี่ยวกับถูกไล่ออกของเธอความแตก และเพื่อนๆรอบกายคิดว่าถูกเธอหลอกใช้ ทั้งยังถูกกล่าวหาว่าเป็นต้นเหตุของเหตุไฟไหม้โรงเรียนอีกด้วย นี่ไหนจะเรื่องของหัวใจระหว่างเธอกับเฟรดดี้อีก ซึ่งทั้งหมดนี้นำไปสู่บทสรุปของการค้นพบตัวเอง และสิ่งที่ตัวเองต้องการ (ตามสูตรสำเร็จอีกนั้นแหละ)
บางครั้งการที่คนๆหนึ่งที่ดูเหมือนว่าภายนอกจะมีความสุข เพราะเพียบพร้อมไปด้วยทุกอย่างรอบกาย มีเพื่อนเยอะแยะ หัวเราะได้ทุกเรื่อง แต่ภายในเขาอาจจะไม่เป็นเช่นนั้นก็ได้ อย่างตัวละครอย่าง “ป๊อปปี้ มัวร์” ที่ภายนอกดูเธอมีความสุขกับชีวิตไฮโซของเธอ แต่จริงๆแล้วทั้งหมดมันก็เป็นเพียงแค่ “เกราะ” ที่เธอสร้างขึ้นมาเท่านั้น เพราะเธอไม่อยากให้ใครเห็นว่าความจริงแล้วเธอเหงาและอ้างว้างเพียงใด และเมื่อเธอมาอยู่ในโรงเรียนบ้านนอกแห่งนี้ในอังกฤษ เธอก็ยังคงสวมเกราะนั้นอยู่ โดยที่ไม่รู้ว่าคำว่า “ความรัก และ มิตรภาพ” จะเข้ามาแทนที่และทำลายเกราะอันนั้นไป จนในที่สุดเธอก็จะสามารถแสดงความเป็น “ตัวของตัวเอง” ออกมาได้โดยไม่รู้สึกผิดในใจ และเมื่อนั้นเองชีวิตที่เพียบพร้อม มีเพื่อนเยอะแยะ ก็จะมีคำว่า “ความสุขที่แท้จริง” รวมอยู่ด้วย
Wild Child ถือเป็นหนังสาว วี๊ด ว้าย ที่ถือว่าทำออกมาได้สนุกกว่าที่คิดในระดับหนึ่ง มีความคอมเมดี้นิดๆ ดราม่านิดหน่อย และข้อคิดสำหรับวัยจ๊าบพอสมควร เหมาะสำหรับคนที่ชอบหนังแนวนี้ครับ






No comments:
Post a Comment